Clarifier System ระบบตกตะกอน
Clarifier หรือ Sedimentation
การตกตะกอนเป็นวิธีการแยกตะกอนแขวนลอยออกจากน้ำเสีย โดยอาศัยการจมตัวลงของตะกอนแขวนลอยที่มีค่าความถ่วงจำเพาะ(Specific Gravity : S.G.)ของตะกอนสูงกว่าน้ำ ในระบบบำบัดน้ำเสียมักมีถังตกตะกอน 2 ชนิด คือ ถังตกตะกอนที่ทำหน้าที่แยกตะกอนต่างๆ ออกจากน้ำเสียก่อนที่จะไหลลงถังบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีชีวภาพ นิยมเรียกว่า ถังตกตะกอนแรก (Primary Sedimentation Tank) และ ถังตกตะกอนอีกชนิด คือ ถังตกตะกอนที่ใช้แยกตะกอนชีวภาพ หรือ ตะกอนเคมีออกจากน้ำเพื่อให้ได้น้ำใสสะอาด นิยมเรียกว่า ถังตกตะกอนที่สอง (Secondary Sedimentation Tank)
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการออกแบบเลือกใช้ถังตกตะกอน มีดังนี้
-
อัตราการไหลเข้าของน้ำเสีย
-
อุณหภูมิและความดันของบรรยากาศรอบบริเวณที่ตั้ง
-
ปริมาณและลักษณะของตะกอนในน้ำเสีย
-
ลักษณะน้ำเสีย
-
พื้นที่ผิวบนของถังตกตะกอน
-
ความลึกของถังตกตะกอน
-
คุณภาพน้ำที่ไหลล้นออกจากถัง
-
กระบวนการบำบัดน้ำเสีย
-
ราคาค่าก่อสร้าง
ถังตกตะกอนสามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
-
ถังสี่เหลี่ยมผืนผ้า
-
ถังสี่เหลี่ยมจัตุรัส
-
ถังทรงกลม
-
ถังที่มีแผ่นเอียงติดตั้ง
ถังสี่เหลี่ยมผืนผ้า
มักจะมีพื้นลาดเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้เครื่องกรวดตะกอนที่ก้นถังทำหน้าที่กวาดตะกอนลงมาที่หลุม หรือบางแบบวิศวกรจะออกแบบให้มีพื้นก้นถังเป็นแบบหลุมๆ ตลอดทั่วทั้งถัง ทำให้ไม่ต้องใช้เครื่องกวาดตะกอน เพราะตะกอนจะตกลงมาทุกๆ หลุมกระจ่ายไปทั่วพื้นก้นถัง ทำให้การสูบตะกอนเป็นได้ง่าย โดยทั่วไป ขนาดความยาว : ความกว้าง ประมาณ 3:1 ของถังหรือมากกว่า ขนาดความกว้าง : ความลึกของถัง ประมาณ 1 - 2.25 : 1 และความลึก ประมาณ 2.4-3 ม. และ 3-3.6 ม. สำหรับถังตกตะกอนแรก และสองตามลำดับ
ถังสี่เหลี่ยมจัตุรัส
มีลักษณะคล้ายกับถังกลม แต่บริเวณมุมถังเป็นข้อด้อยกว่าถังกลม เพราะตะกอนอาจไปตกอยู่ที่มุมขอบถัง แต่มีข้อดีคือ ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างน้อยกว่าถังกลม ถ้าขนาดพื้นที่เป็นข้อจำกัดในการออกแบบโดยทั่วไปถังแบบนี้จะมีขนาดความลึกเท่ากับ 3-5ม. กว้าง 3-50 ม.
ถังกลม
เป็นถังที่นิยมใช้กันมาก เพราะจะไม่มีตะกอนตกค้างบริเวณรอบถัง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 3-60ม. ความลึก 2-3 ม. และ 3-4ม. สำหรับถังตกตะกอนแรก และสอง ตามลำดับ ความลาดเอียงของพื้นก้นถังควรมีประมาณ 1:12 โดยจำเป็นต้องมีเครื่องกวาดตะกอนบริเวณพื้นก้นถัง
แผ่นเอียงช่วยตกตะกอน (Tube Settler)
ถังตกตะกอนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการตกตะกอนด้วยการติดตั้งแผ่นเอียงช่วยตกตะกอน (Tube Settler) โดยจะทำมุม 60 องศากับแนวนอน เพื่อให้ตะกอนไม่ค้างอยู่ในแผ่น หลักการทำงานของแผ่นเอียงช่วยตกตะกอน ระบบจะทำการป้อนน้ำไหลขึ้นซึ่งจะมีความหนืดสูงขึ้น ส่งผลให้การไหลของน้ำภายในถังสงบกว่าถังตกตะกอนที่ไม่มีการติดตั้งแผ่นเอียงช่วยตกตะกอน และอีกข้อคือ ต้องการลดความลึกของการตกตะกอน ประหยัดค่าก่อสร้าง
โดยถังตกตะกอนเก่าทั้งแบบกลม สี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือจัตุรัส สามารถติดตั้ง Tube Settler ได้โดยไม่ทำให้โครงสร้างถังเดิมเสียหาย เนื่องจาก Tube Settler มีน้ำหนักเบา สามารถเพิ่มประสิทธิภาพระบบตกตะกอนเดิมได้กว่า 20% โดยไม่ต้องเสียค่าก่อสร้างถังใหม่ ประหยัดงบประมาณการก่อสร้าง
การออกแบบถังตกตะกอน วิศวกรของเราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาฟรี เพื่อให้ท่านได้ถังตกตะกอนที่เหมาะสม ถูกหลักทางวิศวกรรม
พารามิเตอร์ออกแบบสำคัญ (ค่าตั้งต้น)
Surface Overflow Rate, SOR (หรือ HLR):
-
Raw/Coagulated water: 0.5–1.5 m3/m2.h
-
Secondary clarifier (ชีวภาพ): 0.5–1.0 m3/m2.h
Weir Loading (WL):
-
5–15 m3/m.d (ระวังการดูดอากาศและกระเพื่อมที่ weir)
Detention Time (HRT):
-
1.5–3.0 h (ดิบ/เคมี)
-
2.0–4.0 h (รองชีวภาพ)
Solids Loading (Secondary Clarifier):
-
30–60 kg MLSS/m2.d (เริ่มต้น ปรับตามข้อมูลหน้างาน)
Side Water Depth (SWD):
-
3–5 m (ขึ้นกับ Overflow stability และพื้นที่สลัดตะกอน)
Inlet Energy Dissipation:
-
ใช้ Inlet well/Still well และ E-D baffle ลดแรงเฉือน ป้องกันการรบกวนตะกอน
Baffles:
-
Inlet baffle และ Outlet baffle ช่วยลด short-circuiting และ scum carryover
สมการเบื้องต้น
1 พื้นที่ผิวน้ำที่ต้องการจาก SOR
2 ตรวจ Weir Loading
ต้องอยู่ในช่วงแนะนำ
3 ปริมาตรถังจาก HRT
4 เส้นผ่านศูนย์กลางถังกลม (จาก Area)
5 Lamella/Tubes (เพิ่มพื้นที่ผิวตก)
หมายเหตุ: เลือกค่า SOR, WL, HRT ตามชนิดน้ำและผล Jar Test/Floc quality
ตัวอย่างคำนวณ (Clarifier ถังกลม)
เงื่อนไข:
-
Q_in = 200 m3/h (น้ำดิบหลัง Coag/Floc)
-
ตั้ง SOR = 1.0 m3/m2.h
-
HRT เป้าหมาย = 2.0 h
-
Weir loading ไม่เกิน 10 m3/m.d
ขั้นที่ 1: พื้นที่จาก SOR
ขั้นที่ 2: เส้นผ่านศูนย์กลางถัง
ขั้นที่ 3: ปริมาตรถังจาก HRT
ตรวจ SWD:
จริงมักกำหนดความลึกก่อน แล้วตรวจ HRT ให้ผ่าน
ขั้นที่ 4: ตรวจ Weir Loading
สมมติใช้ Peripheral weir รอบถัง (วงกลม):
แก้ไข: ใช้ Multiple Launders/Double perimeter weir หรือเพิ่ม weir length ด้วย V-notch
เช่น เพิ่ม weir length เป็น 4 เท่า:
ควรตั้งเป้า 5–15 m3/m.d
แนวทาง: เพิ่ม weir length ให้มากขึ้นอีก หรือแบ่งเป็นหลายช่องทาง overflow (launders) รอบถัง รวมถึงกระจาย flow ให้สม่ำเสมอ
สรุป: พื้นที่ 200 m2 ผ่าน SOR/HRT แต่ WL ต้องเพิ่มความยาว weir (เช่น triple launders, deeper V-notches, peripheral + radial launders) ให้ WL <= 15 m3/m.d
Lamella / Tube Settler
เมื่อพื้นที่จำกัด:
-
ใช้มุมเอียง 55–60 deg
-
ระยะช่อง 50–75 mm (tube) หรือ spacing ตามผู้ผลิต
-
SOR อนุญาตสูงกว่า clarifier ปกติ 2–4 เท่า (ขึ้นกับคุณภาพฟลอคและผู้ผลิต)
-
ต้องมี Inlet/Outlet distribution ที่สม่ำเสมอ และช่องทางล้างทำความสะอาด
โครงสร้างและอุปกรณ์กลไก
-
Inlet well, energy dissipating inlet baffle
-
Rake arm หรือ Chain flight scraper (ขึ้นกับรูปทรงถัง)
-
Scum baffle และ scum box
-
Adjustable weir (notched weir หรือ launder หลายวง)
-
Underflow hopper/cone พร้อมปั๊มโคลน
-
วัสดุ: คอนกรีต/เหล็กเคลือบ, สแตนเลส/FRP สำหรับชิ้นส่วนเปียก
Instrumentation & Control
-
Flow meter ที่ขาเข้า
-
Turbidity/SS ที่ Overflow (ควบคู่ ORP/pH ถ้าเป็นเคมี)
-
Sludge blanket level meter (ultrasonic/radar) ใน Secondary clarifier
-
DO (ถ้าเชื่อมระบบชีวภาพ), pH, Temperature
-
Interlock ปั๊มสูบตะกอนและสกิมเมอร์
การบำรุงรักษา
-
ตรวจและทำความสะอาด weir/notch, launder, scum box
-
ตรวจตลับลูกปืน/ซีล/เกียร์ของ rake/chain
-
ตรวจ baffle, inlet well สำหรับการกัดกร่อน/การแตกหัก
-
ล้างตะกรัน/ตะกอนสะสมตามรอบ
-
Calibrate turbidity/blanket level sensor
Troubleshooting
| อาการ | สาเหตุพบบ่อย | แนวทางแก้ |
|---|---|---|
| Overflow ขุ่น | SOR สูงเกิน, short-circuiting, floc อ่อน | ลดอัตราไหล, ปรับ baffle, ปรับโพลิเมอร์/กวน |
| Sludge carryover | WL สูง, scum management ไม่ดี | เพิ่ม weir length, ปรับระดับ weir/scum baffle |
| Blanket สูงเกิน | สูบตะกอนไม่พอ, floc หนักมาก | เพิ่มสูบ underflow, ปรับอัตราโพลิเมอร์ |
| Dead zones | การกระจายไหลไม่ดี | ปรับ inlet energy dissipation, ติดตั้ง baffle เพิ่ม |
เช็กลิสต์ก่อนสรุปแบบ
-
ยืนยัน SOR/HRT/WL ผ่านช่วงแนะนำสำหรับชนิดน้ำ
-
ตรวจความสม่ำเสมอการกระจายไหล (inlet well, baffle)
-
ออกแบบ weir ให้ WL <= 15 m3/m.d (น้ำดิบทั่วไป)
-
เผื่อพื้นที่ scum และทางเดินบำรุงรักษา
-
วางแผนการสูบตะกอน underflow ให้สม่ำเสมอ (bleed) สำหรับหน่วยถัดไป
-
ถ้าพื้นที่จำกัด: พิจารณา Lamella/Tube settler พร้อมขั้นตอนล้าง
ภาคผนวก: สูตรสรุป
คำนวณพื้นที่
เส้นผ่านศูนย์กลาง (ถังกลม)
ปริมาตรถัง
Weir loading
Lamella effective area