BOD vs COD

⚡ BOD vs COD

ศึกชิงออกซิเจนแห่งโลกน้ำเสีย: จากลมหายใจจุลินทรีย์ ถึงพลังเคมีเต็มระบบ 🌊

“น้ำเสียไม่ได้เลวร้าย...มันแค่ใช้ ‘ออกซิเจน’ มากกว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”

ถ้าไม่มีเวลา แค่บรรทัดเดียวก็เข้าใจได้แบบ Aceken
BOD₅ ⊂ BODᴸ (Ultimate BOD) ⊂ COD
และถ้าอยากเทียบให้เป็นสมการสั้น ๆ:
BOD₅ < BODᴸ ≤ COD 🍷

💧 เริ่มจากพื้นฐานก่อน

ในน้ำเสียมี สารอินทรีย์ (Organic Matter) มากมาย —
โปรตีน, น้ำตาล, ไขมัน, สี, สบู่, น้ำมัน, คราบจากกระบวนการผลิต ฯลฯ
ทั้งหมดนี้คือ “อาหารของจุลินทรีย์” 🍲

แต่การที่จุลินทรีย์จะย่อยสารอินทรีย์เหล่านี้ได้
มันต้อง “หายใจ” เพื่อเอาพลังงานออกมาใช้...

ประเภทของสารอินทรีย์สั้นๆ
ย่อยได้ง่าย (Readily biodegradable)
ย่อยได้แต่ช้า (Slowly biodegradable)
ย่อยยากหรือแทบไม่ย่อย (Hardly / Non-biodegradable)

⚡ จุลินทรีย์ “หายใจ” ไปทำไม?

เพราะทุกสิ่งมีชีวิตต้องใช้พลังงานเพื่ออยู่รอด
และจุลินทรีย์ก็ไม่ต่างกันเลย 💪

มันย่อยสารอินทรีย์ (อาหาร) เพื่อ “ปลดปล่อยอิเล็กตรอน”
แล้วส่งอิเล็กตรอนนั้นไปยังแหล่งออกซิเจน (ตัวรับอิเล็กตรอน)
พลังงานจากปฏิกิริยานี้จะถูกเก็บไว้ในรูปของ ATP (Adenosine Triphosphate)
ซึ่งเปรียบได้กับ “เงินตราพลังงาน” ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

จุลินทรีย์ใช้ ATP เพื่อ

  • ซ่อมแซมตัวเอง

  • แบ่งเซลล์ เพิ่มจำนวนประชากร

  • ควบคุมสมดุลของสารภายในเซลล์

🦠 จุลินทรีย์ไม่มีจมูก ไม่มีปอด — แต่มันหายใจได้ 😆

แน่นอนว่า จุลินทรีย์ไม่มีจมูก ไม่มีปอด
ดังนั้นมันไม่ได้หายใจแบบเราที่สูดอากาศเข้าออก

สิ่งที่มันทำคือ การหายใจระดับเซลล์ (Cellular Respiration)
คือการ ถ่ายอิเล็กตรอน (electron transfer)
จากสารอินทรีย์ที่มันกิน → ไปยัง “ตัวรับอิเล็กตรอน” เพื่อสร้างพลังงาน

และ “ตัวรับอิเล็กตรอน” นี่เอง...
คือสิ่งที่เราหมายถึงคำว่า “ออกซิเจน” ในทางชีวเคมี

💬 พูดง่าย ๆ ว่า จุลินทรีย์ไม่ได้หายใจด้วยจมูก แต่มันหายใจด้วยเคมี

💡 แล้ว “ออกซิเจน” ที่ว่ามีแค่แบบเดียวเหรอ?

ไม่เลยจ๊ะ —
คำว่า “ออกซิเจน” ในงานบำบัดน้ำเสีย ไม่ได้หมายถึงเฉพาะอากาศ (O₂)
แต่มันหมายถึง “ตัวรับอิเล็กตรอน” ทุกชนิดที่จุลินทรีย์ใช้ได้

เพราะไม่ว่าระบบจะมีอากาศหรือไม่
จุลินทรีย์ก็ยังหายใจได้อยู่ดี
ขอแค่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มันจะ “โยนอิเล็กตรอนไปให้”

🧬 ระบบหายใจของจุลินทรีย์

จุลินทรีย์แต่ละประเภทจะมีตัวรับอิเล็กตรอนไม่เหมือนกัน

ประเภทจุลินทรีย์แหล่งออกซิเจน (ตัวรับอิเล็กตรอน)ผลที่เกิดขึ้นตัวอย่างระบบ
Aerobicออกซิเจน (O₂) จากอากาศCO₂ + H₂OActivated Sludge, MBR
Anoxicไนเตรต (NO₃⁻)N₂ (ก๊าซไนโตรเจน)Denitrification
Anaerobicซัลเฟต (SO₄²⁻), คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂), เหล็ก (ferric ion : Fe³⁺)H₂S หรือ CH₄ หรือ Fe²⁺UASB, Anaerobic Pond

จุลินทรีย์ทุกตัว “หายใจได้”
แต่ไม่ได้หายใจด้วยปอดหรือจมูก —
มันหายใจด้วย อิเล็กตรอน

ไม่ว่าจะเป็นระบบเติมอากาศหรือไร้อากาศ
จุลินทรีย์ก็ยังคง “ออกซิไดซ์สารอินทรีย์” เพื่อสร้างพลังงานให้ตัวเองอยู่ดี

⚙️ แล้ว Fe³⁺ ที่ไม่มี O ทำไมถึงใช้แทนออกซิเจนได้?

คำถามนี้ดีมาก เพราะดูผิวเผิน Fe³⁺ ไม่มีออกซิเจนเลย
แต่มันสามารถทำหน้าที่ “แทนออกซิเจน” ได้ในทางชีวเคมี

เพราะในความเป็นจริง “การหายใจของจุลินทรีย์”
ไม่ได้หมายถึงการสูดอากาศ (O₂)
แต่มันหมายถึง การถ่ายอิเล็กตรอนจากอาหารไปยังตัวรับอิเล็กตรอน (electron acceptor)

  • ในระบบที่มีอากาศ → ตัวรับคือ O₂

  • ในระบบไร้อากาศ → ตัวรับอาจเป็น NO₃⁻, SO₄²⁻ หรือแม้แต่ Fe³⁺

🔬 บทบาทของ Fe³⁺

Fe³⁺ เป็นไอออนเหล็กในสถานะออกซิไดซ์สูง
มัน “อยากรับอิเล็กตรอน” เพื่อกลายเป็น Fe²⁺

Fe³⁺ + e⁻ → Fe²⁺


จุลินทรีย์บางชนิด (เรียกว่า iron-reducing bacteria)
สามารถส่งอิเล็กตรอนจากการย่อยสารอินทรีย์ให้ Fe³⁺ ได้โดยตรง
เมื่อ Fe³⁺ รับอิเล็กตรอน มันก็เปลี่ยนเป็น Fe²⁺
และในกระบวนการนั้น จุลินทรีย์ก็ได้พลังงานออกมาใช้

ดังนั้น แม้ว่า Fe³⁺ จะไม่มีออกซิเจนในสูตร
แต่มันก็ทำหน้าที่ เหมือน “ออกซิเจนทางอ้อม”
เพราะมันคือผู้รับอิเล็กตรอนสุดท้ายในวงจรการหายใจของจุลินทรีย์

🌿 ตัวอย่างในธรรมชาติ

ปฏิกิริยาแบบนี้เกิดขึ้นจริงใน

  • ชั้นตะกอนก้นบ่อ (sediment zone)

  • ดินที่มีเหล็กออกไซด์สะสม

  • หรือระบบบ่อบำบัดไร้อากาศที่มีแร่เหล็กอยู่

ในบริเวณเหล่านี้จะมีแบคทีเรียที่ “รีดิวซ์เหล็ก” อาศัยอยู่
มันทำงานช้า แต่มั่นคง —
ค่อย ๆ เปลี่ยน Fe³⁺ ให้กลายเป็น Fe²⁺ พร้อมย่อยสารอินทรีย์ไปด้วย

🧫🦠🪱จุลินทรีย์มีอยู่หลายสายพันธุ์ และแต่ละสายก็มี “สไตล์การหายใจ” ของตัวเอง


1️⃣ พวกที่ชอบอากาศ (Aerobic Bacteria)

  • ใช้ ออกซิเจน (O₂) จากอากาศที่ละลายอยู่ในน้ำ

  • หายใจได้เต็มปอดในระบบเติมอากาศ เช่น Activated Sludge, Aerated Lagoon

  • กินสารอินทรีย์แล้วเปลี่ยนเป็น

    CO₂ + H₂O + พลังงาน

  • พูดง่าย ๆ คือ “กินแล้วออกกำลังกาย”
    ระบบจึงไม่มีกลิ่น และน้ำใสขึ้นเรื่อย ๆ

2️⃣ พวกกลางทาง (Anoxic Bacteria)

  • ไม่ได้มีออกซิเจนให้ใช้โดยตรง

  • มันเลยไป “ยืมออกซิเจน” จากสารอื่น เช่น ไนเตรต (NO₃⁻)

  • เมื่อดึงออกซิเจนจากไนเตรตออกมาใช้
    ก็จะเหลือก๊าซไนโตรเจน (N₂) ลอยขึ้นจากบ่อ

  • นี่แหละคือหลักของกระบวนการ ดีไนตริฟิเคชัน (Denitrification)

  • ระบบนี้ช่วยลดไนโตรเจนในน้ำเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ

💬 นึกภาพว่า Aerobic หายใจจากอากาศ ส่วน Anoxic แอบยืมออกซิเจนจากสารเคมีเพื่อนบ้านมาก่อน 😆

3️⃣ พวกไม่ต้องใช้อากาศ (Anaerobic Bacteria)

  • หลายคนเข้าใจผิดว่า “พวกนี้ไม่หายใจ” — ผิดจ้า ❌
    จริง ๆ แล้วมันยังหายใจอยู่ แต่หายใจแบบ “ไม่ต้องใช้อากาศ”

  • มันใช้แหล่งออกซิเจนอื่น เช่น

    • ซัลเฟต (SO₄²⁻) → กลายเป็น H₂S (ก๊าซไข่เน่า)

    • คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) → กลายเป็น CH₄ (มีเทน)

  • ผลที่ได้คือพลังงานในรูปของก๊าซ เช่น ไบโอแก๊ส

  • เหมาะกับระบบปิด เช่น Anaerobic Pond, UASB

💬 พูดให้เห็นภาพง่าย ๆ — Aerobic สูดออกซิเจนจากอากาศ, Anaerobic สูดออกซิเจนจากสารอื่นในน้ำแทน

⚡ Redox Ladder – บันไดพลังงานของจุลินทรีย์

ในธรรมชาติ จุลินทรีย์ไม่ได้เลือกหายใจแบบสุ่ม
แต่มันมี “ลำดับความชอบ” ในการใช้ตัวรับอิเล็กตรอน
เรียกว่า Redox Ladder — หรือ “บันไดออกซิเดชัน–รีดักชัน”

ยิ่งตัวรับอิเล็กตรอนมีศักย์รีดักชันสูง (พูดง่าย ๆ คือ ดูดอิเล็กตรอนได้เก่ง)
จุลินทรีย์ก็ยิ่งได้พลังงานมากจากการย่อยสารอินทรีย์

🪜 ลำดับจากบนลงล่างของบันได

ลำดับตัวรับอิเล็กตรอนกระบวนการที่เกี่ยวข้องผลผลิตสุดท้ายพลังงานที่จุลินทรีย์ได้หมายเหตุ
1️⃣O₂Aerobic respirationCO₂ + H₂O🌟 สูงสุดระบบเติมอากาศ, น้ำใส ไม่มีกลิ่น
2️⃣NO₃⁻DenitrificationN₂ (ก๊าซไนโตรเจน)สูงช่วยลดไนโตรเจนในน้ำเสีย
3️⃣Mn⁴⁺ (Manganese oxide)Manganese reductionMn²⁺ปานกลางพบในตะกอนลึกบางชนิด
4️⃣Fe³⁺ (Ferric iron)Iron reductionFe²⁺ต่ำกว่าปานกลางพบในดินและบ่อไร้อากาศ
5️⃣SO₄²⁻ (Sulfate)Sulfate reductionH₂S (ไข่เน่า)ต่ำเป็นสาเหตุกลิ่นในบ่อ Anaerobic
6️⃣CO₂MethanogenesisCH₄ (มีเทน)🔽 ต่ำสุดใช้ในระบบผลิตไบโอแก๊ส

🧠 ทำไมต้องเรียงแบบนี้?

เพราะมันเรียงตาม “พลังงานไฟฟ้าเคมี (redox potential)”
ตัวที่อยู่บนสุดของบันได (O₂) มีพลังมากสุด
จุลินทรีย์จึงได้พลังงานเยอะ และเติบโตเร็ว
ส่วนตัวที่อยู่ล่างสุดอย่าง CO₂ ให้พลังงานน้อย
จุลินทรีย์ที่อยู่ระดับนั้นจึงโตช้า ทำงานช้า แต่ยังอยู่ได้

“จุลินทรีย์ทุกตัวอยากได้ออกซิเจน ไม่ใช่เพราะหน้าตาดี แต่เพราะมันให้พลังงานเยอะที่สุด
แต่ถ้าไม่มีอากาศ มันก็ไม่งอแง — แค่ไต่ลงบันไดไปหาตัวรับอิเล็กตรอนตัวต่อไปเท่านั้นเอง” 😎

🌍 ตัวอย่างในบ่อบำบัดจริง

ถ้าคุณตัดขวางบ่อบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศ (Anaerobic Pond)
คุณจะเห็น “ชั้นของการหายใจ” เรียงกันตามพลังงานแบบนี้เลย

1️⃣ ด้านบนสุด – ยังมีอากาศปะปน → Aerobic zone
2️⃣ ถัดลงมา – ไม่มีอากาศ → Anoxic zone (ดีไนตริฟิเคชัน)
3️⃣ ลึกลงอีก – Iron & Sulfate reduction zone
4️⃣ ชั้นล่างสุด – Methanogenesis zone (ผลิตมีเทน)

นี่คือบันไดชีวิตของจุลินทรีย์ในบ่อบำบัด
ซึ่งแต่ละขั้นก็ทำหน้าที่ “ย่อยของเสีย” ต่อเนื่องกัน
จนกว่าน้ำเสียจะใสพอจะกลับเข้าสู่ธรรมชาติ 🌿


“ในระบบบำบัด ไม่มีของเสียหายไป —
มีแต่พลังงานที่เปลี่ยนมือ จากอินทรีย์ → อิเล็กตรอน → จุลินทรีย์ → ก๊าซ.” ⚡

⚡ จากบันไดพลังงาน...สู่ค่า BOD และ COD

“ถ้าอยากรู้ว่าน้ำสกปรกแค่ไหน — ให้ดูว่า ‘จุลินทรีย์ต้องใช้พลัง’ มากแค่ไหนในการย่อยมัน.”

🧫 BOD: Biochemical Oxygen Demand

“ออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้จริง ๆ ในการย่อยสารอินทรีย์”

เมื่อจุลินทรีย์กินของสกปรก (สารอินทรีย์)
มันต้องใช้พลังงานและออกซิเจนในการย่อยอาหารนั้น
พลังงานที่ใช้ไปแปลเป็นหน่วย “ความต้องการออกซิเจน”

เราจึงเรียกมันว่า BOD – Biochemical Oxygen Demand
หรือ “ปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ต้องใช้เพื่อย่อยสารอินทรีย์ให้หมด”

ตอนเราวัดค่า BOD
เรากำลังถามจุลินทรีย์ว่า

“ถ้าฉันให้น้ำเสียนี้กับนาย นายจะต้องใช้ ‘ออกซิเจน’ เท่าไหร่ ถึงจะย่อยสารอินทรีย์หมด?”

มันคือการวัด ปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้จริง ๆ
ในการทำ “ออกซิเดชันทางชีวภาพ (biological oxidation)”
ของสารอินทรีย์ในน้ำ

Organic Matter + O₂ → CO₂ + H₂O + Biomass

จุลินทรีย์หายใจ → ออกซิไดซ์สารอินทรีย์ → สร้างพลังงาน (ATP) → เพิ่มจำนวนตัวมันเอง
และผลพลอยได้จากกระบวนการนั้นคือ “น้ำสะอาดขึ้น”

นั่นแหละคือสิ่งที่ค่า BOD แทนอยู่ —
มันคือ “พลังชีวิตที่จุลินทรีย์ต้องใช้ เพื่อทำให้น้ำใสขึ้น”

  • วัดใน 5 วัน ที่อุณหภูมิ 20°C → เลยเรียกว่า “BOD₅”
  • หน่วยคือ mg/L ของ O₂
  • ใช้สำหรับออกแบบระบบบำบัดทางชีวภาพ


⚗️ COD: Chemical Oxygen Demand

แต่ในบางกรณี
สารอินทรีย์ในน้ำ บางสารเหนียวหนืด ย่อยยากเกินไปสำหรับจุลินทรีย์ เช่น สี สบู่ น้ำมัน หรือสารเคมีในโรงงาน
เราจึงต้องมีอีกค่าหนึ่งที่ “เร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันให้จบในห้องแลป”
นั่นคือ COD (Chemical Oxygen Demand)

COD คือการวัดว่า

“ถ้าเราจะทำให้น้ำนี้ออกซิไดซ์หมด โดยใช้สารเคมีแทนจุลินทรีย์ เราต้องใช้ออกซิเจนเทียบเท่าเท่าไร?”

  • COD ใช้เวลาทดสอบแค่ 2-3 ชั่วโมง (เร็วกว่า BOD ที่ต้องรอ 5 วัน ไม่ทันกาล)

  • หน่วยคือ mg/L ของ O₂ เช่นกัน
  • เหมาะสำหรับการควบคุมระบบแบบเรียลไทม์




ดังนั้น BOD กับ COD จึงเป็น “พี่น้องคนละฝา”

  • คนหนึ่งคือ “ชีวภาพ” (ใช้จุลินทรีย์)

  • อีกคนคือ “เคมี” (ใช้สารออกซิไดซ์ เช่น K₂Cr₂O₇)

🧩 ความสัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์กับสองค่า

ค่าใครเป็นผู้ทำออกซิเดชันความเร็วของที่วัดได้ความหมาย
BODจุลินทรีย์ (Biological oxidation)ช้า (~5 วัน)เฉพาะสารอินทรีย์ที่ย่อยได้ภายในเวลาทดสอบ“พลังงานที่จุลินทรีย์ใช้จริงในการย่อยของเสีย”
CODสารเคมี (Chemical oxidation)เร็ว (2–3 ชม.)สารอินทรีย์ทั้งหมด (ย่อยได้ + ย่อยช้า/แทบไม่ได้)“ปริมาณออกซิเจนเทียบเท่าที่ต้องใช้ถ้าออกซิไดซ์จนหมดทางเคมี”

💬ค่า BOD จับเฉพาะ —  “ส่วนที่จุลินทรีย์กินได้เร็ว” (จึงมักต่ำกว่า COD เสมอ)

ส่วนค่า COD จับหมด — ทั้งของที่จุลินทรีย์กินได้และของที่มัน “ยังไม่ได้กินเพราะต้องเคี้ยวนาน” 😆

“ในสายตานักเคมี ทุกสารอินทรีย์ถูกออกซิไดซ์ได้หมด
แต่ในสายตาจุลินทรีย์...บางอย่างต้องแช่น้ำนานหน่อยก่อนจะอร่อย” 🍲⚡


🔋 แล้วมันเชื่อมกับ Redox Ladder ยังไง?

ในบันได Redox ที่เราพูดถึง
จุลินทรีย์บนแต่ละขั้นต้องการพลังงานต่างกัน
จึงใช้ออกซิเจนจากแหล่งต่างกัน

  • ชั้นบนสุด (Aerobic) → ใช้ O₂ จากอากาศ → พลังงานสูงสุด → ค่า BOD ชัดเจน

  • ชั้นกลาง (Anoxic) → ใช้ NO₃⁻ → พลังงานน้อยลง → อาจไม่สะท้อนใน BOD แบบตรง ๆ

  • ชั้นล่าง (Anaerobic) → ใช้ SO₄²⁻, CO₂ → พลังงานต่ำมาก → ไม่สะท้อนใน BOD เลย

ดังนั้น BOD จึงสะท้อนเฉพาะพลังงานของระบบที่ใช้ออกซิเจนจริง (Aerobic Zone)
ส่วนสารที่ย่อยไม่ได้ในชั้นล่าง — เราจะเห็นมันในค่า COD แทน

⚗️ 3 ประเภทของสารอินทรีย์ในน้ำเสีย

— ตามความสามารถในการย่อยโดยจุลินทรีย์ (Biodegradability Classes) —
กลุ่มลักษณะตัวอย่างพบในพฤติกรรมในระบบบำบัด
1️⃣ ย่อยได้ง่าย (Readily biodegradable)โมเลกุลขนาดเล็ก ละลายน้ำดี โครงสร้างเรียบง่าย จุลินทรีย์เข้าถึงได้เร็วน้ำตาล, กรดอินทรีย์ (acetic, lactic), แอลกอฮอล์, โปรตีน, ยูเรียน้ำเสียบ้านเรือน, อาหาร, เครื่องดื่ม, สับปะรด, นมถูกย่อยในระบบ Aerobic ภายในไม่กี่ชั่วโมง → BOD ลดเร็ว
2️⃣ ย่อยได้แต่ช้า (Slowly biodegradable)โมเลกุลใหญ่, มีสายยาว, หรือติดไขมัน/สารเคลือบ ต้องผ่านขั้น hydrolysis ก่อนไขมัน, สบู่, ผงซักฟอก, เส้นใยอาหาร, สีอินทรีย์, แป้งเชื่อมกะทิ, ปลากระป๋อง, น้ำซักผ้า, โรงอาหารต้องใช้เวลา → ทำงานดีในระบบ Anaerobic + Aerobic ต่อเนื่อง
3️⃣ ย่อยยากหรือแทบไม่ย่อย (Hardly / Non-biodegradable)โมเลกุลซับซ้อน มีวงแหวน (aromatic ring), หรือมีพันธะคาร์บอน–คลอรีน, ซิลิกอนสีสังเคราะห์, Phenol, Surfactant เชิงซ้อน, น้ำมันเครื่อง, โลหะอินทรีย์, พลาสติกโรงงานฟอกย้อม, เครื่องสำอาง, ยานยนต์, เคมีภัณฑ์จุลินทรีย์ธรรมดาย่อยไม่ได้ ต้องใช้ระบบ AOP / Ozone / Fenton / UV

สารอินทรีย์ในน้ำเสียทั้งหมด ไม่ว่าจะมาจากบ้านหรือโรงงาน
อยู่บน “สเปกตรัมของการย่อยได้” —
จาก ของกินเล่นของจุลินทรีย์ → จนถึงของแข็งที่มันกัดไม่เข้าเลย 😆

และระบบบำบัดที่เราเลือกใช้
ก็ขึ้นอยู่กับว่า “เรากำลังเจอกับของกินแบบไหน”

  • ถ้าเป็น ของหวาน (ย่อยง่าย) → ใช้ชีวภาพอย่างเดียวพอ

  • ถ้าเป็น ของมัน (ย่อยช้า) → ต้องใช้ระบบผสม Anaerobic + Aerobic

  • ถ้าเป็น ของแข็งเหนียว (ย่อยยาก) → ต้องใช้เคมีช่วย เช่น Ozone, Fenton, หรือ Membrane


💬 พูดแบบ Aceken:

“สารอินทรีย์ทุกชนิดคืออาหารของจุลินทรีย์
แค่บางจานต้องใช้เวลาต้มหน่อย...บางจานต้องเอาเข้าไมโครเวฟก่อนถึงจะย่อยได้” 🍲⚙️


⚖️ ตารางเปรียบเทียบ BOD vs COD

รายการBOD (Biochemical Oxygen Demand)COD (Chemical Oxygen Demand)
🔬 หลักการการออกซิไดซ์สารอินทรีย์โดยจุลินทรีย์ (Biological oxidation)การออกซิไดซ์สารอินทรีย์ด้วยสารเคมีแรง (Chemical oxidation)
⚙️ ผู้ทำปฏิกิริยาจุลินทรีย์ในระบบ (heterotrophic bacteria)สารเคมี เช่น K₂Cr₂O₇ ในกรด H₂SO₄
⏱️ ระยะเวลาในการทดสอบประมาณ 5 วัน ที่ 20°C (BOD₅)2–3 ชั่วโมง ในห้องแล็บ
🌊 ของที่วัดได้เฉพาะ “สารอินทรีย์ที่ย่อยได้ภายในเวลาทดสอบ”สารอินทรีย์ทั้งหมด (ย่อยได้ + ย่อยช้า/แทบไม่ได้)
💧 ความหมายของค่าปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้จริงเพื่อย่อยสารอินทรีย์ปริมาณออกซิเจนเทียบเท่าที่ต้องใช้ หากออกซิไดซ์สารอินทรีย์ทั้งหมดด้วยเคมี
ความเร็วในการเกิดปฏิกิริยาช้า (จำลองกระบวนการในธรรมชาติ)เร็ว (จำลองการออกซิไดซ์เต็มที่)
📈 ค่าที่ได้โดยทั่วไปต่ำกว่า COD (เพราะนับเฉพาะที่ย่อยได้เร็ว)สูงกว่า BOD (เพราะนับรวมของที่ย่อยช้า)
🧪 การใช้งานหลักใช้ในการออกแบบระบบชีวภาพ / ประเมินประสิทธิภาพการบำบัดใช้ตรวจสอบคุณภาพน้ำ / ควบคุมกระบวนการแบบรวดเร็ว
🧬 ตัวชี้วัด“พลังชีวิต” ของระบบจุลินทรีย์ในบ่อบำบัด“ศักยภาพการออกซิไดซ์” ของน้ำเสียทั้งหมด
💡 ข้อจำกัดใช้เวลานาน, ขึ้นกับชนิดจุลินทรีย์ไม่แยกว่าสารที่ออกซิไดซ์ได้ ย่อยง่ายหรือยาก
🧠 สรุปแบบ Aceken“BOD คือออกซิเจนที่สิ่งมีชีวิตใช้จริงในการย่อยของเสีย”“COD คือออกซิเจนเทียบเท่าที่ต้องใช้ หากจะออกซิไดซ์ ของเสียนั้นให้หมดทางเคมี”

“ทุกสารอินทรีย์ย่อยได้...แค่บางชนิดต้องใช้เวลานานกว่าที่จุลินทรีย์จะย่อยทัน”

ค่า BOD จึงวัดเฉพาะ ‘สิ่งที่มันกินได้ตอนนี้’
ส่วนค่า COD คือ ‘สิ่งที่มันกินได้ทั้งหมด...ไม่ว่าจะตอนนี้หรืออีกหลายวันข้างหน้า’ 😎

🔍 ตัวอย่างให้เห็นภาพจริงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ


🧵 1️⃣ โรงงานฟอกย้อมผ้า

  • น้ำเสียมีสี สารเคมี และน้ำยาฟอกขาว

  • สารอินทรีย์ส่วนใหญ่ “ย่อยยาก” (complex organic molecules)

  • COD สูงมาก แต่ BOD ต่ำ

  • ต้องใช้ระบบเคมีร่วม เช่น Ozone, Fenton หรือ MBR

💬 “น้ำเสียพวกนี้ไม่ได้เหม็น...แต่มันดื้อ!” 😅

🐟 2️⃣ โรงงานปลากระป๋อง

  • น้ำเสียมีโปรตีน ไขมัน และเศษปลา

  • สารอินทรีย์ “ย่อยง่าย” มาก

  • BOD สูง และ COD สูงพอ ๆ กัน (BOD/COD ≈ 0.7–0.9)

  • ระบบบำบัดแบบ Aerobic หรือ Anaerobic ทำงานดี

  • มีกลิ่นแรงถ้าอากาศไม่พอ

💬 “จุลินทรีย์ที่นี่อ้วนเร็ว...เพราะของกินดี โปรตีนล้วน ๆ” 🍣

🥥 3️⃣ โรงงานผลิตกะทิ

  • น้ำเสียมีไขมันและโปรตีนจากมะพร้าว

  • ไขมันบางส่วน “ย่อยได้” แต่ต้องใช้เวลา และอาจเกิดฟอง

  • COD สูงกว่า BOD พอสมควร (BOD/COD ≈ 0.5–0.6)

  • เหมาะกับระบบแบบ Anaerobic + Aerobic ต่อเนื่อง

  • ต้องคอยควบคุมคราบมันไม่ให้ลอยอุดตะแกรง

💬 “จุลินทรีย์กินกะทิได้...แต่ถ้าเยอะไป มันก็เลี่ยนเหมือนกัน” 🥥😆

🍍 4️⃣ โรงงานสับปะรดกระป๋อง

  • น้ำเสียมีน้ำตาลจากผลไม้ กรดอินทรีย์ และเศษเนื้อสับปะรด

  • ย่อยง่ายมาก จุลินทรีย์ชอบมาก

  • BOD และ COD สูงใกล้เคียงกัน (BOD/COD ≈ 0.8–0.9)

  • เหมาะกับระบบ Anaerobic → Aerobic → Clarifier

  • ต้องระวัง “โหลดช็อก” เพราะน้ำเสียเปลี่ยนเข้มข้นตามฤดูกาล

💬 “ระบบนี้ถ้าอากาศดี...จุลินทรีย์เต้นระบำสับปะรดได้เลย” 🍍🎶

🚽 5️⃣ โรงงานผลิตเครื่องสุขภัณฑ์

  • น้ำเสียส่วนใหญ่เป็นสารอนินทรีย์ เช่น ดินขาว, ซิลิกา, กลิ่นเคลือบ

  • สารอินทรีย์น้อยมาก

  • BOD ต่ำมาก แต่ COD อาจปานกลาง (เพราะสารเคมีบางชนิดถูกออกซิไดซ์ได้)

  • ระบบชีวภาพไม่ค่อยมีผล ต้องใช้ระบบฟิสิกส์–เคมี เช่น coagulation / filtration

  • ตะกอนเยอะ ต้องมีระบบจัดการ solid ดี

💬 “จุลินทรีย์อยู่ที่นี่ไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรให้กิน — มีแต่ดินกับเคลือบ” 🧱

🥤 6️⃣ โรงงานผลิตเครื่องดื่ม (น้ำอัดลม / ชา / น้ำผลไม้)

  • น้ำเสียส่วนใหญ่เป็นน้ำตาล, กลิ่น, สี และกรดอินทรีย์อ่อน

  • ไม่มีโลหะหนักหรือสารพิษ → “ของดีสำหรับจุลินทรีย์”

  • BOD และ COD สูงแต่ย่อยง่าย (BOD/COD ≈ 0.8–0.95)

  • เหมาะกับระบบ UASB หรือ CSTR → Aerobic Polishing

  • ต้องคุม pH ไม่ให้ต่ำเกินไป (เพราะกรดจากน้ำผลไม้)

💬 “น้ำเสียที่นี่ไม่สกปรก...มันแค่หวานเกินไป” 😆

🧴 7️⃣ โรงงานเครื่องสำอาง / ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย

  • น้ำเสียมีสารลดแรงตึงผิว (Surfactant), น้ำหอม, สี, น้ำมันพืช, และสารกันเสีย

  • มีสารอินทรีย์แต่บางชนิด “ย่อยได้ช้า”

  • BOD/COD ≈ 0.4–0.6

  • ต้องใช้ระบบเคมีหรือออกซิเดชันขั้นสูง (AOP / Ozone / Fenton) ช่วย

  • ถ้าใช้ระบบชีวภาพอย่างเดียว → มักฟองฟูและมีกลิ่นน้ำหอม

💬 “น้ำเสียที่นี่สะอาดเกินไปสำหรับจุลินทรีย์...แต่หอมสำหรับมนุษย์” 😅

🧀 8️⃣ โรงงานผลิตนม / ชีส / โยเกิร์ต

  • น้ำเสียมีโปรตีน, แลคโตส (น้ำตาลนม), ไขมัน, และกรดแลกติก

  • ย่อยง่ายมาก (Organic ล้วน)

  • BOD/COD ≈ 0.8–0.9

  • เหมาะกับระบบ UASB หรือ CSTR → Aerobic Polishing

  • แต่ต้องระวัง pH ตกต่ำจากกรดแลกติก

💬 “จุลินทรีย์ที่นี่มีชีวิตดี๊ดี — ของกินเพียบ แต่ต้องระวังกรดเปรี้ยวกัดกระเพาะ” 🧫🥛

🧱 9️⃣ โรงงานผลิตเซรามิก / กระเบื้อง

  • น้ำเสียอนินทรีย์เกือบทั้งหมด (SiO₂, Al₂O₃, ดินขาว, สารเคลือบ)

  • BOD ≈ 0 / COD ต่ำมาก

  • ไม่มีอาหารสำหรับจุลินทรีย์เลย

  • ใช้ระบบตกตะกอน, กรอง, หรือรีไซเคิลน้ำเท่านั้น

  • ต้องจัดการตะกอนละเอียด (sludge) ดี ๆ

💬 “ระบบชีวภาพมาที่นี่ก็เหมือนเชฟมาครัวที่ไม่มีวัตถุดิบ” 😆

🧰 🔩 1️⃣0️⃣ โรงงานชิ้นส่วนยานยนต์ / โลหะ

  • น้ำเสียจากการล้างชิ้นงาน, เคลือบผิว, ชุบโลหะ

  • มีโลหะหนัก (Zn, Cr, Ni, Cu), น้ำมัน, จาระบี, และกรดด่างแรง

  • BOD ต่ำ / COD ปานกลาง (0.2–0.4)

  • ต้องใช้ระบบเคมีก่อนชีวภาพ (Chemical Pre-treatment + Oil Trap)

  • ระบบชีวภาพมีได้แต่ต้องหลัง neutralization

💬 “จุลินทรีย์ที่นี่ไม่ตายเพราะหิว แต่เพราะเจอโลหะหนักก่อนมื้อแรก” ⚙️💀

🍚 1️⃣1️⃣ โรงสีข้าว / โรงงานแปรรูปเกษตร

  • น้ำเสียมีแป้ง, น้ำตาล, เศษข้าว, และสารอินทรีย์ธรรมชาติ

  • ย่อยง่ายมาก แต่มีของแข็งแขวนลอย (SS) เยอะ

  • BOD/COD ≈ 0.8–0.9

  • เหมาะกับระบบ Anaerobic → Aerobic

  • ต้องมีระบบแยกตะกอนก่อนเข้าบ่อ

💬 “จุลินทรีย์ที่นี่อิ่มไวแต่สำลักฝุ่นแป้ง” 🍚💨

🏠 1️⃣2️⃣ น้ำเสียบ้านเรือน (Domestic Wastewater)

  • แหล่งกำเนิด: น้ำจากห้องน้ำ, ห้องครัว, ซักล้าง, ล้างจาน, ซักผ้า, และจากร่างกายคน

  • ประกอบด้วย สารอินทรีย์จากเศษอาหาร, สบู่, ผงซักฟอก, น้ำมัน, โปรตีน และไขมันจากครัวเรือน

  • มี สารอนินทรีย์เล็กน้อย เช่น ฟอสเฟตจากผงซักฟอก และไนเตรตจากของเสียมนุษย์

  • เป็น “น้ำเสียที่มีชีวิต” เพราะมีทั้งอาหารและจุลินทรีย์ปะปนมาเองจากของเสียมนุษย์

  • BOD/COD ≈ 0.6–0.8 (ย่อยง่ายมาก)

  • เหมาะกับระบบ Activated Sludge, Oxidation Ditch, RBC, MBR หรือ Septic + Aerobic Tank

  • ต้องควบคุมไขมันและตะกอน ไม่ให้สะสมจน clog ระบบ

💬 “น้ำเสียบ้านเราไม่ได้สกปรกที่สุด...แต่มันคือของที่จุลินทรีย์ชอบที่สุด — เพราะมีครบทั้งของคาว ของมัน และของหวาน” 🍳🍜🧼

🧱 สรุปแบบ Aceken (ตารางเต็ม 11 โรงงาน + บ้านเรือน)

#อุตสาหกรรม / แหล่งน้ำเสียลักษณะน้ำเสียBOD/CODการย่อยระบบที่เหมาะหมายเหตุ
1️⃣ฟอกย้อมผ้าสี / สารเคมี / สารตกค้างต่ำ (0.2–0.4)ย่อยยากเคมี + MBRต้องใช้ Ozone / Fenton
2️⃣ปลากระป๋องโปรตีน / ไขมัน / เศษปลาสูง (0.7–0.9)ย่อยง่ายAnaerobic–Aerobicมีกลิ่นแรง ต้องอากาศพอ
3️⃣ผลิตกะทิไขมันมะพร้าว / โปรตีนปานกลาง (0.5–0.6)ย่อยได้บางส่วนAnaerobic + Aerobicต้องควบคุมคราบมัน
4️⃣สับปะรดกระป๋องน้ำตาล / กรดอินทรีย์สูง (0.8–0.9)ย่อยง่ายAnaerobic–Aerobicโหลดแปรผันตามฤดู
5️⃣สุขภัณฑ์ (Sanitaryware)ดินขาว / สารเคลือบ / โลหะออกไซด์ต่ำ–ปานกลาง (0.1–0.3)ย่อยไม่ได้Coagulation + Filtrationต้องจัดการ sludge ที่มีโลหะ
6️⃣เครื่องดื่มน้ำตาล / กลิ่น / กรดอินทรีย์สูง (0.8–0.95)ย่อยง่ายUASB → Aerobicต้องคุม pH
7️⃣เครื่องสำอางสารลดแรงตึงผิว / น้ำหอม / สีปานกลาง (0.4–0.6)ย่อยช้าAOP / เคมี + MBRฟองฟูและกลิ่นแรง
8️⃣ผลิตนม / ชีสโปรตีน / แลคโตส / ไขมันสูง (0.8–0.9)ย่อยง่ายUASB / CSTRระวังกรดแลกติก
9️⃣เซรามิก / กระเบื้องดินขาว / ซิลิกา / สารเคลือบต่ำ (~0)ย่อยไม่ได้ตกตะกอน / กรอง / รีไซเคิลของเสียเป็นตะกอนอนินทรีย์
🔟ชิ้นส่วนยานยนต์โลหะหนัก / น้ำมัน / กรด-ด่างต่ำ (0.2–0.4)ย่อยไม่ได้เคมีก่อนชีวภาพต้อง neutralize ก่อน
1️⃣1️⃣โรงสีข้าวแป้ง / น้ำตาล / ของแข็งแขวนลอยสูง (0.8–0.9)ย่อยง่ายAnaerobic–AerobicSS สูง ต้องแยกก่อน
1️⃣2️⃣น้ำเสียบ้านเรือน (Domestic)อาหาร / สบู่ / ผงซักฟอก / ของเสียมนุษย์สูง (0.6–0.8)ย่อยง่ายActivated Sludge / MBR / Septic + Aerobicต้นแบบของระบบชีวภาพทุกชนิด

“ทุกหยดจากก๊อกบ้านเรา คือจุดเริ่มต้นของเรื่องใหญ่ในโลกสิ่งแวดล้อม”

และในที่สุด —
ระบบบำบัดน้ำเสียโรงงานทุกแบบที่เห็นในวันนี้
ก็เริ่มต้นจาก ‘ถังส้วมใบแรก’ ที่มนุษย์ออกแบบไว้เมื่อหลายพันปีก่อน 💧

BOD₅ ⊂ BODᴸ (Ultimate BOD) ⊂ COD

“เพราะสุดท้าย...ทุกค่า BOD คือเสียงหายใจของจุลินทรีย์
และทุกค่า COD คือพลังสำรองของธรรมชาติ” 💧

  • BOD₅ = ปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ใน 5 วันแรก

  • BODᴸ (Ultimate BOD) = ปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์จะใช้ “จนกว่าสารอินทรีย์ที่ย่อยได้ทั้งหมดจะหมด”

  • COD = ปริมาณออกซิเจนเทียบเท่าที่สารเคมีต้องใช้ เพื่อออกซิไดซ์สารอินทรีย์ทั้งหมด (รวมของที่ย่อยได้ + ย่อยช้า + ย่อยแทบไม่ได้)

ในทางคณิตศาสตร์เชิงแนวคิด:

         BOD₅ < BODᴸ ≤ COD 

🧬 ถ้าเราทดสอบ BOD365 วัน จะเกิดอะไรขึ้น?

  • ในช่วง 5 วันแรก → จุลินทรีย์กิน “ของกินง่าย” (น้ำตาล, โปรตีน, กรดอินทรีย์)

  • วันต่อ ๆ มา → มันเริ่มย่อย “ของแข็งที่ต้องต้ม” เช่น ไขมัน, เซลลูโลส, สบู่

  • ผ่านไปหลายสัปดาห์ → เหลือเฉพาะ “ของที่ย่อยยากมาก” เช่น พวก aromatic compound หรือ polymer

ดังนั้นใน 1 ปี (BOD₃₆₅):

  • ถ้าสารอินทรีย์เป็นของทั่วไป (ไม่มีโลหะหนัก, ไม่มีคลอรีน, ไม่ complex มาก) →
    ค่า BODᴸ จะใกล้เคียงกับ COD มาก (อาจ 90–98%)

  • แต่ถ้ามีสารที่ “oxidize ได้ทางเคมีแต่จุลินทรีย์ไม่กิน” เช่น dye, phenol →
    BODᴸ จะยังต่ำกว่า COD อยู่มาก (อาจเพียง 30–50%)

“BOD₅ คือภาพ snapshot ของการหายใจระยะสั้น”
“BODᴸ คือภาพเต็มของชีวิตจุลินทรีย์ทั้งรุ่น”
และสุดท้าย COD คือ “พลังที่ธรรมชาติทั้งหมดสามารถใช้ได้ ถ้าไม่สนว่าใครจะเหนื่อย” 😆

📊 ตัวอย่างแนวโน้มโดยทั่วไป

สารอินทรีย์ประเภทBOD₅/CODBODᴸ/COD
น้ำเสียอาหาร / บ้านเรือน0.6–0.80.9–0.95
กะทิ / นม / โรงสีข้าว0.5–0.70.8–0.9
ฟอกย้อม / เคมี / เครื่องสำอาง0.2–0.40.4–0.6
สีสังเคราะห์ / Phenolic / Polymer<0.1<0.3
Environmental Ace Serves
ลูกเสิร์ฟพิฆาต... เพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม 🎾💧
Aceken — Where Science Flows with Style.

BOD vs COD

BOD₅ < BODᴸ ≤ COD

About aceken

We are an environmental engineering firm. Aceken introduces water, wastewater and water recycling systems as engineering, procurement and construction (EPC), Turn Key project, expert and professional services. Leader of state-of-the-art technology, sustainable solutions and competitive price.

aceken สำนักงานใหญ่

  • Hotline. 062-449-1000
  • t. 02-1598010
  • info@aceken.com
  • Line ID : acekensiam

ACE SUCCESSES

  • Backwash
    Backwash

    Backwash

  • Water Recycle
    Water Recycle

    Water Recycle

  • Water Treatment Plant
    Water Treatment Plant

    Water Treatment Plant

  • Chlorine
  • Pressure Tank
    Pressure Tank

    Pressure Tank
    ถังกรองน้ำแรงดันสูง

  • RO Plant
    RO Plant

    RO Plant

  • Micron Filter
    Micron Filter
  • Activated Carbon Tank
    Activated Carbon Tank

    pressure tank

  • Remove old tank
    Remove old tank

    Remove old tank

  • MF
    MF

    MF

  • Top Distributor
    Top Distributor

    Top Distributor ท่อกระจายน้ำ

  • Filter Nozzle
    Filter Nozzle

    Filter Nozzle

  • Reclaimed Water
    Reclaimed Water

    Reclaimed Water

  • Activated Carbon System
    Activated Carbon System

    Activated Carbon System for SME

  • Pressure Tank
    Pressure Tank

    Pressure Tank for RESIN, Activated Carbon, Multimedia

  • Gigantic Valves
    Gigantic Valves

    Gigantic Valves

  • Activated Carbon Tower
    Activated Carbon Tower

    Activated Carbon Tower

  • Wastewater treatment
    Wastewater treatment

    Wastewater treatment

  • Pressure tank
    Pressure tank

    Pressure tank

  • Gigantic Valves
    Gigantic Valves

    Gigantic Valves

  • Pressure tank
    Pressure tank

    Pressure tank

  • Media Replacement
    Media Replacement

    Media Replacement 
    เปลี่ยนถ่ายสารกรองน้ำ

  • Media Replacement
    Media Replacement

    Media Replacement 
    เปลี่ยนถ่ายสารกรองน้ำ

  • Media Replacement
    Media Replacement

    Media Replacement
    เปลี่ยนถ่ายสารกรองน้ำ

  • Spent media disposal
    Spent media disposal

    Spent media disposal by 101 factory
    สารกรองใช้แล้ว กำจัดโดยโรงงาน 101

  • Premium pressure tank
    Premium pressure tank

    Premium pressure tank

  • Media Replacement
    Media Replacement

    เปลี่ยนถ่ายสารกรองน้ำ

  • Repair Tank
    Repair Tank

    ตรวจสอบ ซ่อมถัง

  • Repair Tank
    Repair Tank

    ซ่อมถังทนแรงดันสูง

  • TURBO BLOWER
    TURBO BLOWER

    Turbo Blower

  • Media Replacement
    Media Replacement

    Media Replacement 

  • Media Replacement
    Media Replacement

    Media Replacement 

  • TURBO BLOWER
    TURBO BLOWER

    เทอร์โบโบลวเวอร์

  • Water Treatment Plant
    Water Treatment Plant

    Water Treatment Plant

  • Media Replacement
    Media Replacement

    Media Replacement

  • TURBO BLOWER
    TURBO BLOWER

    Turbo Blower

  • TURBO BLOWER
    TURBO BLOWER

    Turbo Blower